อยู่ที่อายุวัฒน์… จากลาที่อายุวัฒน์ กับความทรงจำดุจบ้านหลังหนึ่ง อีกเรื่องเล่าดี ๆ ของลูกชายผู้ป่วยที่ได้พาคุณพ่อเข้ามารับการดูแลกับ “อายุวัฒน์ เนอร์สซิ่งโฮม”

ตลอดระยะเวลา 4 ปี นับตั้งแต่วันแรกของการอยู่ที่อายุวัฒน์ของคุณพ่อ แม้รู้ดีว่าเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตท่านแต่เรากลับรู้สึกดีใจที่ไม่ต้องเห็นพ่อนอนห้อยสายระโยงระยางอยู่แต่บรรยากาศอันแสนน่าหดหู่ในโรงพยาบาล

พ่อของผมป่วยเป็นอัลไซเมอร์แถมยังพ่วงด้วยมะเร็งต่อมลูกหมาก ทางครอบครัวเองก็พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้คุณพ่อมีสุขภาพดีมากที่สุดแม้รู้ดีว่าวันนี้ความทรงจำของท่านที่มีต่อคนรอบข้างค่อย ๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา อีกทั้งอาการของมะเร็งก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก
จนท้ายที่สุดก็ได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีรักษาที่เรียกว่า “Palliative Care” หรือ การรักษาแบบประคับประคองในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตสำหรับผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับสมองและโรคมะเร็ง เราก็หาข้อมูลแล้วมาลงเอยที่ “อายุวัฒน์” แห่งนี้นี่แหละครับ

ด้วยโรคของคุณพ่อไม่มีใครเชื่อแน่ว่าท่านจะอยู่ได้นานหลักปี แต่ต้องขอขอบคุณน้อง ๆ ผู้ช่วยและทีมพยาบาลที่ให้ความรัก ความอบอุ่น ใส่ใจดูแลคุณพ่อเหมือนกับเป็นคนหนึ่งในครอบครัว แทบจะตลอด 24 ชม. ที่ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาทั้งคอยเช็ดตัว ป้อนอาหาร ป้อนยา กายภาพบำบัด พยายามหากิจกรรมให้คุณพ่อได้ทำตามสภาพร่างกายที่ท่านไหว และอีกท่านที่ต้องขอบคุณมาก ๆ คือ คุณหมอปุณณภพ คอยดูแลคุณพ่ออย่างใกล้ชิดอยู่ตลอดจนไม่ต้องไปโรงพยาบาล ถ้ามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับร่างกายคุณหมอจัดการให้ทั้งหมด แถมยังช่วยลดค่าใช้จ่ายบางส่วนอีกด้วย (ซึ่งส่วนตัวผมว่าลดให้เยอะมาก) คุณหมอดูแลคุณพ่อจนถึงช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิตจนคุณพ่อค่อย ๆ จากไปแบบสบายที่สุดเหมือนคนนอนหลับเฉย ๆ

ผมเชื่อลึก ๆ ว่าความทรงจำสุดท้ายของคุณพ่อก่อนเสียชีวิตท่านรับรู้ได้ถึงการอยู่อาศัยที่อายุวัฒน์เปรียบกับการเป็นบ้านอีกหลัง แม้วันนี้หนึ่งในคนที่ผมรักมากที่สุดจะไม่อยู่แล้ว แต่จากการได้พาคุณพ่อมาอยู่ที่มันสอนอะไรหลายอย่างมากครับ โดยเฉพาะการรักษาที่บางครั้งคนไข้ไม่ได้ต้องการยาทางกายแต่มองหายาทาง “ใจ” พร้อมวิธีดูแลให้ตัวเขารู้สึกเจ็บปวดน้อยที่สุดเพื่อการมีลมหายใจในช่วงสุดท้ายของชีวิตอย่างมีความสุข

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับการดูแลคุณพ่ออย่างดี และผมเองก็ได้ทำหน้าที่แบบสุดความสามารถในฐานะลูกของพ่อคนหนึ่งครับ